Namprik JADJANS

ประเภทของน้ำมัน น้ำมันจากพืช น้ำมันพืชส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งมีองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าน้ำมันสัตว์ ไขมันไม่อิ่มตัวนี้จะไม่ค่อยเป็นไข แม้จะอยู่ในที่เย็น เช่น แช่ตู้เย็น หรือห้องแอร์ แต่จะทำปฏิกิริยากับความร้อนและออกซิเจนได้ง่าย และมักทำให้เกิดกลิ่นเหม็นหืนหลังจากใช้ประกอบอาหารแล้ว ซึ่งน้ำมันจากพืชจะมีหลากหลายให้เลือกใช้งาน น้ำมันจากสัตว์ หรือน้ำมันจากมันของหมู จะมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นกรดไขมันอิ่มตัว ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นไขได้ง่ายเมื่ออากาศเย็น และมีกลิ่นเหม็นหืนได้ง่ายเมื่อทิ้งไว้ที่อุณหภูมิปกติ ไขมันจากสัตว์นอกจากมีไขมันอิ่มตัวแล้วยังมโคเลสเตอรอลอีกด้วย การกินไขมันสัตว์มากอาจจะทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด จึงควรบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม และควรเก็บในที่ที่อากาศเย็นหรือตู้เย็นเพื่อยืนระยะเวลาการเกิดกลิ่นหืน ชนิดของน้ำมัน 1. น้ำมันมะกอก “เป็นน้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากที่สุด” ซึ่งจะช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในร่างกาย น้ำมันมะกอกที่นิยมใช้ทำอาหารมี 3 ประเภท ไ...

ชวงเจีย หรือ พริกหอม/ฮวาเจียว (พริกไทยเสฉวน) Sichuan Pepper (Chinese Pepper) ชวงเจีย เครื่องเทศกลิ่นหอม รสเผ็ดซ่า ช่วยดับกลิ่นคาวและปรุงรสให้อาหารอร่อยยิ่งขึ้น สรรพคุณของพริกหอม พริกหอมหรือชวงเจียมี คุณสมบัติเป็นสมุนไพรตามตำรับยาจีน เพราะในอุดมไปด้วยสารประกอบหลายชนิดและประเภทน้ำมันหอมระเหย เวลาที่เรานำไปคั่วหรือโดนความร้อนเช่นปิ้งย่างจะให้กลิ่นหอมแรง  พริกหอมมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ลดอาการอักเสบ บำรุงหัวใจ บำรุงโลหิต ลดความดัน และใช้เป็นยาบำรุงร่างกายของผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่กำลังฟื้นไข้ และ สรรพคุณในด้านการขับปัสสาวะและรักษาโรคกระเพาะอักเสบ บรรเทาอาการปวดข้อ ปวดกระดูก ช่วยย่อยอาหาร ขับลมในลำไส้ รวมทั้งใช้เป็นยาถ่ายพยาธิ อีกทั้งยังเชื่อกันว่าเป็นเครื่องเทศที่บำรุงสมรรถภาพทางเพศดีนักแล ทำให้คุณผู้ชายรู้สึกฟิตปึ๋งปั๋งดั่งวัยหนุ่มอีกครั้ง พริกหอม ที่มีคุณภาพดีจะส่งผลให้อาหารจานนั้นมีกลิ่นหอมฟุ้งและรสชาติอร่อยมากขึ้น ซึ่งมักจะใช้ร่วมกับเครื่องเทศชนิดอื่นๆ อย่างเช่นพริกไทย โป๊ยกั๊ก และกานพลู เป็นต้น สำหรับเมนูประเภทต้ม อบ หรือต...

อยากกิน #แกงไตปลาหรอยๆ เชิญนี้ เพราะเราพร้อมส่งต่อ #น้ำไตปลาพร้อมปรุง ให้คุณได้ไปทำแกงไตปลากันง่ายๆ จะมารอต้ม กรองแล้วกรองอีกกันอีกทำไม ในเมื่อคุณมีตัวเลือกที่ดีกว่า สะดวกกว่า ประหยัดเวลาด้วย แถมแกงออกมาก็รสชาติลงตัว ไม่เค็มเกินไป ไม่คาว แค่เติมพริกแกงตามความเผ็ดที่ชอบ ผักที่ชอบ ปลา กุ้ง หรือหมูสับ #รอสุกพร้อมเสิร์ฟ แล้วคุณล่ะ มีไอเดียการกินน้ำไตปลาพร้อมปรุงยังไงบ้าง มาแชร์กันได้นะคะ 

        จัดจ้านส์ เริ่มจากความชอบสู่ความใช่ ความชอบและความรักในการทานน้ำพริกรสจัดจ้าน ที่เต็มไปด้วยสมุนไพรไทยตั้งแต่สมัยเด็ก รสชาติฝีมือแม่ ความอบอุ่นในการล้อมวงทานข้าวแบบครอบครัวใหญ่ที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน เรื่องเล่าในวงข้าว ด้วยน้ำพริกพื้นบ้าน น้ำชุบลอย น้ำพริกกะปิ น้ำพริกพริกไทยสดปลาทู น้ำพริกแมงดานรก น้ำพริกลูกอึก น้ำพริกหลากหลายแบบปักษ์ใต้บ้านเรา สู่การคิดค้นสูตรน้ำพริกเมนูต่างๆ ที่มีหลากหลายรสชาติ พกพาง่าย ทานง่าย อินเตอร์มากขึ้น หลากหลายอารมณ์ในขณะที่ทานน้ำพริก เราจึงมั่นใจว่าทุกรสชาติที่เราผลิตแบรนด์น้ำพริกให้ลูกค้านั้น จะถูกใจทุกท่าน เต็มเครื่องเต็มคำ สะอาด ปลอดภัย ไม่ใส่สารกันบูด  เริ่มต้นที่ 300 ขวดต่อเมนู หรือ 500 ขวด ได้ 2 เมนู สอบถามหรือขอเรทราคาผลิตได้ที่ Line @jadjans ดูเมนูอร่อยได้ที่ www.jadjans.com

การถนอมอาหารด้วยก๊าซไนโตรเจน ปัจจุบันได้มีการนำวิทยาการเกี่ยวกับการนำก๊าซชนิดต่างๆ มาใช้สำหรับกระบวนการบรรจุผลิตภัณฑ์อาหารมากขึ้น เพื่อช่วยรักษาคุณภาพ และคุณค่า ทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์อาหารนั้นๆ ไว้ให้นานที่สุด ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มอายุการเก็บรักษาอาหารนั่นเอง กระบวนการบรรจุแบบ Gas-Flushing เป็นการบรรจุผลิตภัณฑ์ให้อยู่ภายใต้บรรยากาศของก๊าซชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือก๊าซไนโตรเจน โดยการพ่นก๊าซชนิดที่ต้องการเข้าไปแทนที่อากาศภายในภาชนะบรรจุ ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้สำหรับ ไล่ก๊าซออกซิเจนในภาชนะบรรจุผลิตภัณฑ์ที่ไวต่อปฏิกิริยาออกซิเดชัน (Oxidation Reaction) เช่น อาหารที่มีไขมันมาก น้ำผลไม้ เป็นต้น ก๊าซที่ใช้สำหรับพ่นเข้าไปแทนที่อากาศภายในภาชนะบรรจุสามารถมีหลายชนิดด้วยกัน เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ก๊าซไนโตรเจน (N2) ก๊าซออกซิเจน (O2) เป็นต้น แต่ก๊าซที่นิยมใช้กันมากที่สุดในระบบ Gas Flushing ในอุตสาหกรรมอาหาร คือ ก๊าซไนโตรเจน ทั้งนี้เนื่องจากเป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติ คือ เป็นก๊าซที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส และไม่เป็นพิ...

สะตอ แค่ชื่อ หลายๆ คนก็ได้กลิ่นลอยมาตามสายลมแล้วใช่มั้ยคะ เพราะมีทั้งคนรักและคนชัง ชอบใครชอบมันค่ะ สะตอเป็นพืชเศรษฐกิจของภาคใต้อีกอย่าง ที่คนนิยมบริโภคและส่งขายต่างประเทศ ต้นสูงใหญ่ ใบจะลักษณะคล้ายกับชะอม ฝักสีเขียวสวยมาก สะตอจะมี 2 สายพันธ์ุ คือ 1. สะตอข้าว ลักษณะจะมีฝักเล็ก เรียวยาว เปลือกบาง คนจะชอบทานเพราะกลิ่นไม่ฉุนมาก แต่เนื้อจะไม่ค่อยแน่น มีความกรอบหวานมัน 2. สะตอดาน ฝักจะใหญ่  แบนตรงไม่บิดเบี้ยว เปลือกจะหนากว่าสะตอข้าว เมล็ดใหญ่น่าทาน แต่จะมีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุนกว่าสะตอข้าว เมื่อทานจะมีความซ่าลิ้น เหมาะจะนำไปเป็นกับข้าวมากกว่า เช่น ผัดพริกแกงสะตอ ผัดกะปิหมูสามชั้นใส่สะตอ กุ้งผัดสะตอ ต้มกะทิยอดมะพร้าวใส่ตะตอ หรือถ้าอยากทานให้อร่อยก็นำฝักที่สุก ไปย่างไฟให้ข้างนอกกรอบ เมื่อเราแกะข้างในออกมาจะหอมค่ะ อีกเมนูที่ทานกับสะตอสดๆ เขียวๆ แล้วแซ่บอีกแบบคือ ส้มตำปลาร้าใส่สะตอสดลงไป อืม!!! พูดแล้วก็น้ำลายสอค่ะ เห็นกลิ่นฉุนๆ อย่างนี้ "สะตอ" นางก็มีประโยชน์กับเขาเหมือนกันนะคะ - ในสะตอมีแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต เหล็ก ...